พึงเคารพการตัดสินใจของผู้อื่น: จริยธรรมแพทย์กับผู้อดอาหารประท้วง
- Admin
- Apr 29, 2021
- 2 min read

ขณะที่บทความนี้ถูกเขียน ผู้นำการประท้วงและนักกิจกรรม เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้ผ่านพ้นวันที่ 44 ของการอดอาหารประท้วงนับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนานกว่าผู้อดอาหารประท้วงที่มีชื่อเสียงอย่างมหาตมะ คานธี (อดอาหารหลายครั้ง แต่ครั้งที่นานที่สุดคือ 21 วัน) และอะเล็กเซย์ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านต่อรัฐบาลปูตินของรัสเซีย ที่อดอาหารประท้วงมาตั้งแต่ 31 มีนาคม หลังจากเพนกวินเริ่มอดอาหารประท้วงได้เกือบครึ่งเดือน [1]
สุขภาพล่าสุดของเพนกวินเป็นไปได้ว่าร่างกายเข้าสู่สภาวะที่ย่อยสลายกล้ามเนื้อและอวัยวะดำรงชีพเพื่อเป็นแหล่งพลังงาน อันเป็นผลหลัก ๆ จากภาวะขาดสารอาหาร (malnutrition) อันอาจเป็นอันตรายหากเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อโรค เพราะนอกจากอวัยวะสำคัญจะถูกสลายไปพร้อมกับหน้าที่บางประการแล้ว ยังมีภูมิคุ้มกันและความสามารถในการตอบสนองต่อโรคที่ลดต่ำลงด้วย [2] — ซึ่ง แน่นอนว่าการ “ปฏิเสธการกินอาหาร” (ชื่อเชิงวิชาการของการประท้วงอดอาหาร) นี้เป็นการกระทำที่อันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการประท้วงที่ได้ผลมาก (อย่างน้อยก็ในโลกที่พัฒนาแล้ว) และเป็นการประท้วงอย่างสันติโดยใช้ความเป็นอยู่ที่ดีของสุขภาพตนเข้าแลก และในบางกรณีอาจหมายถึงการเอาชีวิตเข้าแลกในที่สุด
แล้วแพทย์ควรทำอย่างไร เมื่อผู้ประท้วงอดอาหารกำลังเผชิญหน้ากับความตายจากการขาดอาหาร
เพราะหน้าที่ของแพทย์คือการ “รักษาผู้ป่วยจากอาการป่วย” หรือช่วยให้ “รอดพ้นจากความตาย” แล้วจะทำเช่นไรหากผู้อดอาหารประท้วงกำลัง “ตาย” อยู่ต่อหน้าต่อตา ความย้อนแย้ง (dilemma) ของการเข้าแทรกแซง (intervention) โดยแพทย์ในการปฏิเสธอาหารโดยสมัครใจของผู้ประท้วงเป็นที่พูดถึงในวงการจริยธรรมแพทย์มานานพอสมควร โดยเฉพาะภายหลังการประท้วงหมู่ของชาวไอริชที่เมืองเบลฟาสท์ในปี 1981 ซึ่งมีผู้อดอาหารจนเสียชีวิต 10 ราย
มุมมองสากลส่วนใหญ่มักถือว่าการบังคับให้ผู้ประท้วงอดอาหารกินอาหารโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม(“force-feeding”) เป็นการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรมแพทย์อย่างรุนแรง
ปฏิญญาโตเกียว (Tokyo Declaration) เมื่อปี 1975 ของสมาคมแพทย์โลก (World Medical Association; WMA) ระบุไว้ในข้อที่ 8 ใจความว่า [3] แพทย์ “ห้าม” บังคับผู้ประท้วงอดอาหารรับประทานอาหารโดยไม่สมัครใจ ทั้งนี้ต้องเป็นไปภายใต้สภาวะที่ผู้ประท้วงได้รับทราบข้อมูลจากแพทย์แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายระหว่างอดอาหารต่อเนื่องยาวนาน และยืนยันว่าตนกระทำการปฏิเสธอาหารนี้โดยสมัครใจเพื่อให้บรรลุข้อเรียกร้องของตน และในปฏิญญามอลตาว่าด้วยผู้อดอาหารประท้วง (Declaration of Malta on Hunger Strikers) ของ WMA ซึ่งออกมาในปี 1991 มีใจความสำคัญว่า [4] การบังคับกินอาหาร(ซึ่งในที่นี้ใช้คำว่า “artificial feeding”, ดูเพิ่มเกี่ยวกับการเลือกใช้คำนี้ได้ในอ้างอิง [5]) ในผู้อดอาหารประท้วงเป็นเรื่องที่ขัดกับจริยธรรมแพทย์
ชิ้นงานตีพิมพ์หนึ่งของสมาคมแพทย์อเมริกัน (American Medical Association; AMA) ในวารสารว่าด้วยจริยธรรมแพทย์ของสมาคม มีความคิดเห็นหนึ่งที่น่าสนใจว่า [5] ในขณะที่แพทย์อาจอ้างหลักไม่กระทำอันตราย (nonmaleficence) และยึดถือประโยชน์ของผู้ป่วย (beneficence) เพื่อให้บังคับผู้ประท้วงอดอาหารที่อาจจะตายต่อหน้าต่อตาให้กินอาหาร การกระทำเช่นนี้อาจเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในทางวิชาชีพ (professional self-interest) เพื่อไม่ให้ตัวแพทย์และสถานพยาบาลนั้น ๆ โดนรุมประนามจากสาธารณะจากการปล่อยให้คนตายต่อหน้าต่อตา ซึ่งแน่นอนว่าขัดกับจริยธรรมแพทย์ว่าด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว
ในแนวทางการดูแลผู้ประท้วงปฏิเสธอาหารโดยสมัครใจของกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ(Department of Health; DoH) ที่ตีพิมพ์ในแลนเซท (Lancet) เมื่อปี 2007 [2] ยกข้อกฎหมายหนึ่งซึ่งกำหนดให้การปฏิเสธรับการรักษาด้วยตนเองเป็นเรื่องที่กระทำได้ในทางกฎหมาย ดังนั้นเมื่อมองกลับมาที่การบังคับให้ผู้ “ที่ยินยอมปฏิเสธอาหาร” กินอาหารแล้ว ก็ควรจะเป็นสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายและจริยธรรมแพทย์ในการยอมรับเจตจำนงของผู้ป่วย (autonomy) อย่างไรก็ตาม หากยึดตามหลักการนี้แล้ว ผู้ป่วย(หรือในที่นี้คือผู้ประท้วง) จะต้องยินยอมโดยรับรู้ (consent) ภายใต้สภาวะที่มีสมรรถนะในการตัดสินใจเต็มเปี่ยม หลักการนี้นำไปสู่ข้อถกเถียงใหม่ว่าด้วย “สมรรถนะในการตัดสินใจ” ของผู้อดอาหารประท้วง
เพราะนอกจากกายภาพเปลี่ยนแล้ว อีกปัจจัยสำคัญคือสุขภาพจิตที่เปลี่ยนไปด้วย
งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารจริยธรรมแพทย์ (Journal of Medical Ethics) ชิ้นหนึ่งจากปี 2003 ระบุการค้นพบว่าในผู้ที่อยู่ในสภาวะอดอาหารยาวนาน (starvation) จะมีความ “หุนหนันพลันแล่น” (impulsivity) สูงขึ้น [6] อันส่งผลให้มีการกระทำที่ขาดการไตร่ตรอง จนอาจทำให้ผู้ที่อดอาหารประท้วงถึงจุดหนี่งจะตัดสินใจอดอาหารต่อเนื่องยาวนานขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีกำหนดหรือสิ้นสุดจนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์
สภาวะที่อาจขาดสมรรถนะในการตัดสินใจอย่างเต็มที่นี้ ก็นำไปสู่ข้อถกเถียงต่อกรณีการบังคับกินอาหารในผู้อดอาหารประท้วงเช่นกัน
หากกล่าวโดยสรุป บทบาทของแพทย์ต่อผู้อดอาหารประท้วงถือเป็นเรื่องที่ท้าทายในทางจริยธรรมแพทย์อย่างมาก ในขณะที่ฝั่งเห็นด้วยกับการยอมรับการตัดสินใจของผู้ประท้วง ยึดหลักการเคารพการตัดสินใจของผู้ป่วย (autonomy) ฝั่งที่แย้งก็มีทั้งหลักยึดถือประโยชน์ของผู้ป่วย (beneficience) และสภาวะทางจิตของผู้อดอาหารประท้วง (หลังอดอาหารยาวนานถึงระยะหนึ่ง) เป็นหลัก
ทั้งนี้ทั้งนั้น นิสิตนักศึกษาแพทย์เพื่อประชาธิปไตยซึ่งยืนยันจุดยืนต่อความถูกต้องและการรักษาอำนาจอธิปไตยของประชาชน รวมถึงการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าความพยายามหน่วงเหนี่ยวเพนกวินแม้ท่ามกลางการประท้วงที่สันติที่สุด, การเหยียดหยามและสาปแช่งผู้ที่ประท้วงด้วยจิตบริสุทธิ์แท้จริงเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นมนุษย์อย่างปฏิเสธไม่ได้
ไม่ว่าการตัดสินใจของเพนกวินจะเป็นในทางใด - ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต - เราขอเคารพความเสียสละโดยแลกซึ่งความเป็นอยู่อันปกติของร่างกายเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของปวงชน ไม่ใช่เพียงเพนกวินแต่ยังรวมถึงผู้อดอาหารประท้วงเพื่อต่อต้านความอยุติธรรมในประเทศไทยในเวลานี้ ทั้ง รุ้ง ปนัสยา และวีรบุคคลอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีจิตใจแข็งแกร่งและเป็นนักสู้เพื่อผองชนโดยแท้จริง
นิสิตนักศึกษาแพทย์เพื่อประชาธิปไตย จึงขอใช้โอกาสนี้ในการ # saveเพนกวิน และเรียกร้องให้รัฐบาลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไตร่ตรองข้อเรียกร้องของพริษฐ์ ชิวารักษ์ และผู้ต้องหาคดีการเมืองอื่น ๆ ที่กำลังอดอาหารประท้วงในขณะนี้ และปล่อยตัวพวกเขากลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวและสาธารณะโดยเร็วที่สุด
ขอขอบคุณภาพวาดในแคมเปญ # saveเพนกวิน โดย Sina Wittayawiroj
อ้างอิง
[1] ได้แก่
ผุด #saveเพนกวิน อาการน่าห่วง อดอาหาร 44 วัน ร่างกายเริ่มย่อยกระเพาะตัวเอง. https://www.sanook.com/news/8373418/
Putin critic Navalny could 'die within days', say doctors. https://www.bbc.com/news/world-europe-56786266
Gandhi and His Fasts. https://swarajyamag.com/politics/gandhi-and-his-fasts
[2] GUIDELINES FOR THE CLINICAL MANAGEMENT OF PEOPLE REFUSING FOOD IN DETENTION SETTINGS & PRISON. https://www.thelancet.com/cms/10.1016/S0140-6736(08)61313-6/attachment/fcc3c768-48fd-4ba1-8887-692039a9e0c4/mmc1.pdf
[3] WMA DECLARATION OF TOKYO – GUIDELINES FOR PHYSICIANS CONCERNING TORTURE AND OTHER CRUEL, INHUMAN OR DEGRADING TREATMENT OR PUNISHMENT IN RELATION TO DETENTION AND IMPRISONMENT. https://www.wma.net/policies-post/wma-declaration-of-tokyo-guidelines-for-physicians-concerning-torture-and-other-cruel-inhuman-or-degrading-treatment-or-punishment-in-relation-to-detention-and-imprisonment/
[4] WMA DECLARATION OF MALTA ON HUNGER STRIKERS. https://www.wma.net/policies-post/wma-declaration-of-tokyo-guidelines-for-physicians-concerning-torture-and-other-cruel-inhuman-or-degrading-treatment-or-punishment-in-relation-to-detention-and-imprisonment/
[5] Force-Feeding Prisoners Is Wrong. https://journalofethics.ama-assn.org/article/force-feeding-prisoners-wrong/2015-10
[6] The implications of starvation induced psychological changes for the ethical treatment of hunger strikers. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1733754/pdf/v029p00243.pdf
Comments